หมึกสายวงน้ำเงิน หรือ หมึกบลูริง จัดเป็นหมึกขนาดเล็ก ซึ่งอยู่ในสกุล Hapalochlaena ในลำดับหมึกยักษ์ ลักษณะเด่นคือ มีจุดวงกลมสีน้ำเงินหรือสีม่วงตลอดทั้งตัว พวกมันมีขนาด 12-20 เซนติเมตร น้ำหนักราว 28 กรัม อาศัยอยู่ในเขตน้ำอุ่น บริเวณน้ำตื้นที่มีโขดหินและแนวชายฝั่งทะเลแถบอินโด-แปซิฟิก มีสองสายพันธุ์ คือ Hapalochlaena lunulata และHapalochlaena maculosa
ในวัยอ่อนพวกมันมีขนาดตัวเท่าเมล็ดถั่ว เมื่อโตขึ้นจะมีขนาดเท่าลูกกอล์ฟ ช่วงกลางคืนจะออกมาหากิน ส่วนตอนกลางวันจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการพักผ่อนตามโพรงหินและเปลือกหอย โดยจะแผ่หนวดทั้งแปดเป็นวงกว้าง แต่ละหนวดจะมีรูสำหรับดูดน้ำและอากาศตลอดความยาว และเมื่อหนวดใดหนวดหนึ่งขาดไป พวกมันสามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้
การหากินของพวกมันอยู่ตามผิวพื้นทราย ไม่ขึ้นมาบริเวณผิวน้ำ เนื่องจากเสี่ยงต่อนักล่า อาหารหลักคือ สัตว์จำพวกกุ้งและหอย ในยามปกติพวกมันเป็นหมึกรักสงบ แต่เมื่อมีภัยคุกคามจุดสีน้ำเงินบนตัวจะเรืองแสงขึ้นมา เป็นการส่งสัญญาณเตือนว่า มีพิษ และถ้าศัตรูไม่ยอมถอยมันจะพุ่งเข้ากัด
และนั่นก็เป็นปัญหาใหญ่ เพราะพิษของหมึกสายวงน้ำเงินจัดเป็นพิษที่แรงมากชนิดหนึ่งของโลก ร้ายแรงกว่างูเห่าถึง 20 เท่า โดยมันสามารถฆ่าคน 20-26 คนได้ในเวลาเดียวกัน และพวกเขาเหล่านั้นจะตายภายใน 2-3 นาที อย่างช้าที่สุดคือ 5 นาที เหตุที่เป็นเช่นนั้น เนื่องจากน้ำลายของมันมีแบคทีเรียที่สร้างพิษ Tetrodotoxin (TTX) ซึ่งเป็นพิษชนิดเดียวกับปลาปักเป้า พิษชนิดนี้ร้ายแรงมากและสันนิษฐานกันว่ามีการส่งต่อความสามารถนี้จากแม่สู่ลูกได้ตั้งแต่แรกเกิดด้วยซ้ำ
โดยพิษนั้นจะส่งผลต่อระบบประสาท สมองและกล้ามเนื้อ โดยจะเข้าไปขวางการสั่งงานของสมองไปยังกล้ามเนื้อ อาการแรกเริ่มจากมีอาการคลื่นไส้ ตาพร่าเลือนทำให้มองไม่เห็น ก่อนที่ประสาทส่วนต่างๆจะเริ่มหยุดลงอย่างช้าๆ จนมีอาการคล้ายกับอัมพาต หายใจได้ลำบากจากการที่กล้ามเนื้อและกะบังลมเริ่มไม่ทำงาน ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเสียชีวิตได้
Blue-ringed octopus
ในปัจจุบันยังไม่มียาตัวไหนสามารถแก้พิษ TTX ได้ เมื่อได้รับพิษจึงจำเป็นต้องปฐมพยาบาล โดยการนำอากาศเข้าสู่ปอด เช่น เป่าปาก เป็นต้น หลังจากนั้นต้องรีบนำส่งแพทย์โดยด่วน เพื่อใช้เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งถ้าการช่วยเหลือเป็นผล ผู้ป่วยจะฟื้นภายใน 24 ชั่วโมง เว้นแต่ขาดอากาศนานเกินไปจนสมองตายนั่นเอง